รถไฟฟ้า 2 ล้อ VS รถมอเตอร์ไซค์

ในยุคนี้ ทางเลือกในการเดินทางก็มีเยอะขึ้น จากเดิมที่มีแค่รถมอเตอร์ไซค์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ตอนนี้มีรถไฟฟ้า 2 ล้อเพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังลังเลใจว่าจะซื้อรถแบบไหนดี? หรือกำลังหาข้อมูลว่ารถไฟฟ้ากับรถมอเตอร์ไซค์นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร? วันนี้สบายรถไฟฟ้า (Sabai Ebike) จะมาอธิบายให้อ่านกันนะคะ^^

มองย้อนกลับไปในสมัยก่อน หรือยุคของพ่อแม่เรา ถ้าพูดถึงรถที่ขับไปไหนมาไหนได้ง่าย ๆ หาที่จอดได้สบาย ๆ ก็ต้องเป็นรถมอเตอร์ไซค์ใช่ไหมคะ แต่พอถึงช่วงเวลาที่โลกมีการตะหนักถึงภาวะโลกร้อนและมลพิษทางอากาศต่าง ๆ
มอเตอร์ไซค์กลับเป็นหนึ่งในตัวการที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้น จึงทำให้มีการผลิตและพัฒนายานพาหนะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโลกขึ้น นั่นก็คือเทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี่เองค่ะ อยากรู้ความแตกต่างของรถสองแบบนี้กันรึยังคะ? ถ้าอยากรู้แล้วเลื่อนอ่านต่อข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ
รถไฟฟ้า 2 ล้อคืออะไร?
รถไฟฟ้า 2 ล้อ (E-Bike) คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ 100% เลยค่ะ พอเป็นระบบไฟฟ้าก็ไม่ต้องพึ่งการเผาผลาญเชื้อเพลิงแบบน้ำมัน ทำให้ไม่มีพวกควันไอเสียลอยออกมา ไม่ส่งกลิ่นเหม็น ไม่มีเสียงดังกวนใจ และไม่ต้องเปลืองเงินค่าน้ำมันอีกด้วยค่ะ
นับเป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด เหมาะกับสายรักโลกรักสุขภาพ และคนที่ต้องการยานพาหนะขับชิล ๆ ในระยะใกล้มาก ๆ ค่ะ อีกทั้งยังไม่ต้องปวดหัวกับค่าน้ำมันรถที่มีการพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบทุกวันนี้ด้วยนะคะ
ข้อดีของรถไฟฟ้า 2 ล้อ
- ราคาย่อมเยาว์เหมาะสมกับคุณภาพ (มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น)
- ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าน้ำมัน หรือออกไปหาปั้มน้ำมันไกล ๆ เพราะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่บ้านได้เลย
- รถไฟฟ้า 2 ล้อจะมีเสียงเงียบมาก ไม่มีเสียงดังรบกวนคนรอบข้างหรือเพื่อนบ้าน
- รถไฟฟ้า 2 ล้อหลายรุ่นมีขนาดที่พอดีตัว คันเล็กกระทัดรัด คนตัวเล็กสามารถขับและหาที่จอดง่าย
- รถไฟฟ้า 2 ล้อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือควันไอเสียต่าง ๆ เหมือนมอเตอร์ไซค์ จึงไม่เพิ่มมลภาวะทางอากาศและไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
- รถไฟฟ้า 2 ล้อขับง่ายไม่ซับซ้อน ไม่มีเกียร์หลายแบบให้สับสน คนที่ขับรถไม่เป็นก็สามารถขับได้
- รถไฟฟ้า 2 ล้อทำความสะอาดง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก (อ่านเพิ่มเติม >> วิธีดูแลจักรยานไฟฟ้า)
- ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและค่าใช้จ่ายในระยะยาวไม่สูง เมื่อเทียบกับการใช้รถมอเตอร์ไซค์แบบน้ำมัน
- มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีความปลอดภัยสูง เพราะตัวรถจะไม่กระชากแรง และมีความเร็วในการขับเคลื่อนอย่างจำกัด
- เมื่อแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสื่อมสภาพ สามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ จึงช่วยลดขยะของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้

ข้อเสียของรถไฟฟ้า 2 ล้อ
- มีข้อจำกัดของระยะทางในการขับขี่ต่อเนื่องในแต่ละครั้ง โดยรถไฟฟ้า 2 ล้อแต่ละคัน จะมีระยะทางการขับขี่ต่อเนื่องที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น จึงเหมาะกับการขับในระยะใกล้มากกว่าระยะไกล
- มีข้อจำกัดในการบรรทุกของหรือขนสำภาระ เพราะรถไฟฟ้า 2 ล้อมีขนาดที่เล็กกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป จึงต้องมีการจำกัดน้ำหนักในการขนส่งแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเสื่อมสภาพเร็ว
ตัวอย่างรถไฟฟ้า 2 ล้อจากสบายรถไฟฟ้า

รถไฟฟ้า 2 ล้อ รุ่น M1
ราคา 10,900 บาท
ขนาดของตัวรถ : 70 x 170 x 100
แบตเตอรี่ : 48V12AH
กำลังมอเตอร์ : 350W
ความเร็วสูงสุด : 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระยะทางวิ่งต่อเนื่อง : 30 กิโลเมตร
ขนาดของยางรถ : 14 x 2.50
ระบบเบรค : Drum Brake
ระบบไฟหน้าของรถเป็น LED
รองรับน้ำหนักได้กว่า 180 กิโลกรัม
มีให้เลือก 5 สี : แดง, เหลือง, น้ำเงิน, เขียว และส้ม
>> ดูข้อมูล / สั่งซื้อ M1 <<

รถไฟฟ้า 2 ล้อ รุ่น M5
ราคา 20,900 บาท
ขนาดของตัวรถ : 40 x 150 x 120
แบตเตอรี่ : 48V20AH
กำลังมอเตอร์ : 500W
ความเร็วสูงสุด : 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระยะทางวิ่งต่อเนื่อง : 40-60 กิโลเมตร
ขนาดของยางรถ : 14 x 2.50
ระบบเบรค : Disc Brake
ระบบไฟหน้าของรถเป็น LED
รองรับน้ำหนักได้กว่า 200 กิโลกรัม
มีให้เลือก 8 สี : แดง, เหลือง, น้ำเงิน, เขียว, ชมพู, ส้ม, ดำ และเทา
>> ดูข้อมูล / สั่งซื้อ M5 <<
รถมอเตอร์ไซค์คืออะไร?
รถมอเตอร์ไซค์หรือรถจักรยานยนต์ (Motobike) เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน โดยจะต้องมีการเผาไหม้ของพลังงานเชื้อเพลิงก่อน จึงจะทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวไปได้ ซึ่งจะมีกำลังของมอเตอร์ค่อนข้างสูง รถจึงมีความแรง สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงได้ และวิ่งในระยะทางไกล ๆ ได้
ข้อดีของมอเตอร์ไซค์ทั่วไป
- สามารถปรับระดับความเร็วในการเคลื่อนที่ได้สูง และไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่า
- มอเตอร์ไซค์จะเหมาะกับคนที่ต้องใช้รถเดินทางไปในที่ไกล ๆ
- มอเตอร์ไซค์จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า จึงรองรับน้ำหนักได้มากกว่ารถไฟฟ้า
ข้อเสียของมอเตอร์ไซค์ทั่วไป
- กระบวนการเผาไหม้พลังงานเชื้อเพลิงหรือน้ำมัน ส่งผลให้มีควันไอเสียเลย (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) ออกมาจากท่อรถ เลยทำให้ควันเหล่านี้ลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศโลก และทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้
- รถมอเตอร์ไซค์จะส่งเสียงดัง (ดังมากดังน้อยขึ้นอยู่กับรุ่น) หากขับในยามวิกาลก็จะทำให้เพื่อนบ้านเกิดความรำคาญใจ และอาจจะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ได้
- มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเยอะ อะไหล่ในการซ่อมบำรุงมีราคาค่อนข้างสูง และต้องเสียค่าน้ำมันรถอยู่ตลอด
- ไม่เหมาะกับคนที่อาศัยอยู่ไกลจากปั้มน้ำมัน เพราะมอเตอร์ไซค์จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ถ้าน้ำมันหมดก็ไม่สามารถขับออกไปไหนได้เลย แม้กระทั่งออกไปเติมน้ำมัน
Q&A เปรียบเทียบรถไฟฟ้า 2 ล้อและมอเตอร์ไซค์
รถแบบไหนขับแล้วปลอดภัยมากกว่า?
ถ้ากำลังมองหารถที่ขับไปซื้อของได้ หรือขับในระยะใกล้ได้อย่างปลอดภัย ขอแนะนำเป็นรถไฟฟ้า 2 ล้อเลยค่ะ เพราะกำลังของมอเตอร์จะไม่ได้แรงมาก และมีการกำหนดความเร็วสูงสุดในการวิ่งอย่างชัดเจน จึงไม่ต้องห่วงว่ามือจะลั่นบิดเร่งรถ หรือรถจะมีความกระตุกกระชากแรง ๆ เลยค่ะ หรือถ้ากลัวเรื่องการทรงตัวจะลองดูเป็นรถไฟฟ้า 3 ล้อก็ได้นะคะ
รถไฟฟ้า 2 ล้อ หรือ มอเตอร์ไซค์ ประหยัดกว่ากัน?
ทั้งค่าใช้จ่ายในระยะยาวและสั้น ตัวรถไฟฟ้า 2 ล้อมีค่าใช้จ่ายที่ถูกและคุ้มค่ากว่าค่ะ ถ้าเกิดรถมีปัญหาขึ้นอะไรขึ้นมาตัวอะไหล่ แบตเตอรี่ หรือการซ่อมแซมจะไม่ซับซ้อนเท่าตัวรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปค่ะ (สำหรับคนที่ซื้อสองล้อไฟฟ้ากับสบายรถไฟฟ้า เรามีประกันจัดเต็มนานสูงสุดถึง 3 ปี และมีศูนย์ซ่อมในตัวทุกสาขาด้วยนะคะ สบายใจหายห่วงได้เลย!) อ่านเลย! >> วิธีดูแลรถไฟฟ้า
รถแบบไหนไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่า?
ถ้าต้องการรถที่มีกำลังในการขับเคลื่อนเร็ว ๆ สามารถเร่งระยะความเคลื่อนที่ได้ตามต้องการ แนะนำเป็นรถมอเตอร์ไซค์ปกติทั่วไปค่ะ แต่อย่าลืมสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งนะคะ เพราะยิ่งมีความเร็วสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็แปลว่ามีความอันตรายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
รถแบบไหนเหมาะกับคนขับรถไม่เป็น?
รถไฟฟ้าจะเหมาะกับคนที่ขับรถไม่เป็นมากกว่าค่ะ เพราะระบบไม่ยุ่งยากเลย และยังมีให้เลือกหลายแบบด้วยนะคะ (เราเป็นร้านขายรถไฟฟ้ารายใหญ่ จึงมีรถไฟฟ้าให้เลือกกว่า 150 คัน สามารถเข้ามาทดลองขับได้ฟรี โดยมีหน้าร้านกว่า 30 สาขาทั่วประเทศในทุกภูมิภาคค่ะ)
รู้หรือไม่!? รถไฟฟ้าไม่ได้มีแค่แบบ 2 ล้อ
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจรถไฟฟ้าแต่เป็นคนที่ขับรถสองล้อไม่เป็นเลย และกังวลว่าจะขับรถไฟฟ้า 2 ล้อไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ในใจชื่นชอบและอยากซื้อรถไฟฟ้ามาขี่ กรณีแบบนี้สบายรถไฟฟ้ามีทางออกค่ะ!
เพราะเราคือศูนย์รวมรถไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แน่นอนว่าต้องมีรถไฟฟ้าให้เลือกครบทุกแบบ นอกจากจะมีรถไฟฟ้า 2 ล้อแล้ว เรายังมีรถไฟฟ้า 3 ล้ออีกด้วยนะคะ
ซึ่งรถไฟฟ้า 3 ล้อนั้น จะเหมาะกับคนที่ขับรถสองล้อไม่เป็นเลย หรือไม่เคยขับรถมอเตอร์ไซค์มาก่อน ตัวอย่างเช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุเป็นต้นค่ะ
ซึ่งตัวรถไฟฟ้า 3 ล้อเนี่ยจะมีขนาดที่ใหญ่กว่ารถไฟฟ้าสองล้อ เลยทำให้สามารถใส่ของได้เยอะและนั่งได้หลายคนกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าผู้สูงอายุโดยเฉพาะด้วยนะคะ เดี๋ยวเราลองไปดูตัวอย่างของรถสามล้อไฟฟ้ากันก่อนได้เลยค่ะ

รถไฟฟ้า 3 ล้อ รุ่น Q1S
ราคา 21,900 บาท
ขนาดของตัวรถ : 68 x 160 x 100
แบตเตอรี่ : 48V20AH
กำลังมอเตอร์ : 500W
ความเร็วสูงสุด : 20-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระยะทางวิ่งต่อเนื่อง : 30-40 กิโลเมตร
ขนาดของยางรถ : 3.00 - 8
ระบบเบรค : Drum Brake
ระบบไฟหน้าของรถเป็น LED
รองรับน้ำหนักได้มากกว่า 300 กิโลกรัม
มีให้เลือก 5 สี : แดง, เหลือง, น้ำเงิน, เขียว และส้ม
>> ดูข้อมูล / สั่งซื้อ Q1S <<

รถไฟฟ้า 3 ล้อ รุ่น Q4S
ราคา 26,900 บาท
ขนาดของตัวรถ : 76 x 160 x 110
แบตเตอรี่ : 48V20AH
กำลังมอเตอร์ : 500W
ความเร็วสูงสุด : 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระยะทางวิ่งต่อเนื่อง : 30-40 กิโลเมตร
ขนาดของยางรถ : 3.00 - 8
ระบบเบรค : Disc Brake
ระบบไฟหน้าของรถเป็น LED
รองรับน้ำหนักได้กว่า 300 กิโลกรัม
มีให้เลือก 6 สี : แดง, เหลือง, น้ำเงิน, เขียว, ขาว และส้ม
>> ดูข้อมูล / สั่งซื้อ Q4S <<
สรุป
สรุปว่ารถไฟฟ้า 2 ล้อและมอเตอร์ไซค์ทั่วไป มีความเหมาะสมและตอบโจทย์การใช้งานที่ไม่เหมือนกันนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากได้รถที่ขับง่าย ๆ ทรงตัวดี ขับแล้วปลอดภัยชัวร์ และมีราคาที่ย่อมเยาว์ สบายรถไฟฟ้า (Sabai Ebike) แนะนำเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเลยค่ะ (ถ้าไม่รู้จะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี? หรือรุ่นไหนดี? ลองทัก LINE เข้ามาสอบถามก่อนได้เลยค่ะ)
คิดถึงรถไฟฟ้า คิดถึงสบายรถไฟฟ้า
- ร้านขายรถไฟฟ้ารายใหญ่ มีรีวิวจริงเยอะที่สุด
- เรามีโรงงานผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในไทย
- ศูนย์ผลิต จัดจำหน่าย พร้อมศูนย์ซ่อมภายในตัว
- มีรถไฟฟ้าให้เลือกหลายแบบหลายสี กว่า 150 คัน
- ขับขี่ง่าย ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่อนได้ชิล ๆ
- รับประกันสูงสุด 3 ปี ฟรีค่าแรงตลอดการใช้งาน
- มีหน้าร้านให้บริการกว่า 30 สาขาทั่วประเทศไทย
- มีพื้นที่กว้างบริเวณหน้าร้านให้ทดลองขับทุกสาขา
- มีระบบเดินหน้า-ถอยหลังอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นเยอะ
- มีระบบกันขโมย พร้อมหน้าจอแบบดิจิทัล
- แบตเตอรี่, มอเตอร์ และกล่องไฟ มีมาตรฐานตรวจสอบได้
- เลือกใช้ล้อแม็กคุณภาพดี ราคาสูง ของแท้จากโรงงาน
- ใช้โช๊คนิ่ม เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดแรงกระแทก
- โปรเด็ด ผ่อนได้ ของแถมเพียบ! (เช็คได้ที่หน้าสาขา)
- รถไฟฟ้าราคาเท่าไหร่? อยากรู้คลิก >> ราคารถไฟฟ้า
สั่งซื้อรถไฟฟ้า 2 ล้อหรือสอบถามข้อมูลได้ที่นี่
เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น.
ติดต่อฝ่ายขาย : 092-333-0511 ถึง 30
LINE : @sabai-ebike หรือ https://lin.ee/tTtSd6s
Facebook : SabaieBike สบายรถไฟฟ้า
Instagram : Sabai Ebike
Youtube Channel : Sabai Ebike
Email : info@sabai-bike.com

เช็คสาขาได้ที่นี่ (มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ)
- สาขาชะอำ (เพชรบุรี) : 092-333-0511
- สาขาพิษณุโลก : 092-333-0512
- สาขานครสวรรค์ : 092-333-0513
- สาขาสุราษฎร์ธานี : 092-333-0514
- สาขาขอนแก่น : 092-333-0515
- สาขาลำปาง : 092-333-0516
- สาขาโคราช : 092-333-0517
- สาขาศรีสะเกษ : 092-333-0518
- สาขาสระบุรี : 092-333-0519
- สาขาบุรีรัมย์ 092-333-0520
- สาขาอุบลราชธานี : 092-333-0521
- สาขาอุดรธานี : 092-333-0522
- สาขาเชียงราย : 092-333-0524
- สาขาหนองบัวลำภู : 092-333-0525
- สาขาลำพูน : 092-333-0526
- สาขาเลย : 092-333-0527
- สาขาจันทบุรี : 092-333-0528
- สาขาระยอง : 092-333-0530
- สาขาสุรินทร์ : 092-333-0531
- สาขาเชียงใหม่ : 092-333-0523 (กำลังสร้าง)
- สาขาชัยภูมิ : 092-333-0533 (กำลังสร้าง)
- สาขามหาสารคาม : 092-333-0535 (กำลังสร้าง)
- สาขากาฬสินธุ์ : 092-333-0536 (กำลังสร้าง)
- สาขาร้อยเอ็ด : 092-333-0537 (กำลังสร้าง)
- สาขายโสธร : 092-333-0539 (กำลังสร้าง)
- สาขามุกดาหาร : 092-333-0540 (กำลังสร้าง)
- สาขาสกลนคร : 092-333-0541 (กำลังสร้าง)
- สาขานครพนม : 092-333-0542 (กำลังสร้าง)
- สาขาบึงกาฬ : 092-333-0543 (กำลังสร้าง)
- สาขาหล่มสัก : 092-333-0544 (กำลังสร้าง)


