รถกระบะไฟฟ้าคืออะไร ดีกว่ารถซาเล้ง-รถน้ำมันอย่างไร

รถไฟฟ้าเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน ความง่ายในการขับขี่ และผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยเฉพาะ รถกระบะไฟฟ้า ที่ใช้สำหรับขน-ส่งสิ่งของ ผลผลิต อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งในบทความนี้ สบายรถไฟฟ้า (Sabai eBike) จะพาคุณไปทำความรู้จักรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก พร้อมเปรียบเทียบความคุ้มค่าและการใช้งานว่ารถกระบะไฟฟ้านั้น แตกต่างจากรถซาเล้งหรือรถน้ำมันอย่างไรบ้าง
รถกระบะไฟฟ้า คืออะไร
รถกระบะไฟฟ้า หรือ รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดเล็ก คือ ยานพาหนะที่มีกระบะท้ายสำหรับบรรทุกของ และใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนการทำงาน ถูกพัฒนามาเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างควันไอเสียและมลภาวะทางเสียง อีกทั้งยังมีขนาดเล็ก ขับขี่ในพื้นที่แคบได้อย่างคล่องแคล่ว และมีราคาที่ถูกกว่ารถน้ำมันอีกด้วย โดยรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็กจะมีลักษณะเป็นเหมือนรถสามล้อบรรทุก สามารถขนส่งสินค้าหรือขนย้ายผลผลิตได้ครั้งละหลายร้อยกิโลกรัม รถกระบะไฟฟ้าเหมาะกับการใช้ในเขตชุมชน โรงงาน หรือในพื้นที่ที่ทำการเกษตร
จุดเด่นของรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก
- ไม่เปลืองค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่รถกระบะไฟฟ้ามีต้นทุนถูกกว่า จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สะดวกสบาย สามารถชาร์จไฟได้จากปลั๊กไฟที่บ้านได้เลย ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ล่วงหน้าได้ทุกวัน ไม่ต้องลุ้นว่าจะน้ำมันจะหมดกลางทางหรือไม่ หรือจะมีปั๊มน้ำมันอยู่ข้างหน้าหรือเปล่า - ค่าซ่อมบำรุงไม่แพง เมื่อเทียบกับรถกระบะทั่วไปที่ใช้น้ำมัน เพราะไม่มีเครื่องยนต์สันดาป และยังมีชิ้นส่วนที่น้อยกว่าเยอะมาก
- ขับง่าย มั่นคง คล่องแคล่ว รถกระบะไฟฟ้าออกแบบมาให้มีโครงสร้างที่สมดุล มีศูนย์ถ่วงต่ำ น้ำหนักเบา และระบบการทำงานไม่ซับซ้อน จึงสามารถขับขี่ได้ง่าย แม้จะเป็นผู้สูงอายุก็ตาม
- คล่องตัวแม้ในพื้นที่จำกัด รถกระบะไฟฟ้ามีขนาดเล็กพอ ๆ กับรถซาเล้ง แต่มีดีไซน์ที่สวยทันสมัยกว่า และเมื่อเทียบกับรถกระบะที่เป็นน้ำมัน ขนาดจะแตกต่างกันอย่างมาก ข้อดีของรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็กคือมีความคล่องตัวสูง บังคับทิศทางง่าย สามารถขับขี่ไปในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนี้ ยังจอดง่าย ไม่เปลืองพื้นที่อีกด้วย
- บรรทุกของเยอะ รถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็กจะมีเพียงที่นั่งคนขับด้านหน้าเท่านั้น ส่วนทีเหลือจะเป็นกระบะสำหรับบรรทุกของทั้งหมด กระบะจึงมีพื้นที่กว้าง วางของได้เยอะ จุได้หลายร้อยกิโลกรัม (แล้วแต่รุ่น) และบางรุ่นยังสามารถเปิดฝากระบะได้ ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายอีกด้วย
- เสียงเงียบ ไม่ปล่อยควัน รถกระบะไฟฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในเขตชุมชน รวมถึงสวน ฟาร์ม หรือไร่
- ดูแลรักษาง่าย เช่น จอดในที่ร่ม, ไม่ขับลุยน้ำท่วม, บรรทุกสินค้าในปริมาณที่กำหนด, ชาร์จแบตเตอรี่ไม่เกิน 8 ชั่วโมง, ไม่ปล่อยให้แบตเหลือต่ำกว่า 30% ฯลฯ
รถกระบะไฟฟ้า เหมาะกับการนำไปใช้งานแบบไหน
รถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก เหมาะกับการขับขี่ในพื้นที่ที่มีพื้นที่เฉพาะเจาะจง อย่างโรงงาน โกดังสินค้า หรือหมู่บ้าน รวมถึงภายในเขตชุมชน ในซอยบ้าน หรือบริเวณที่ไม่ใช้ถนนเส้นหลัก เนื่องจากรถกระบะไฟฟ้าจะมีความเร็วในการขับเคลื่อนที่ต่ำกว่ารถซาเล้งที่เป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างและรถน้ำมัน ทั้งยังมีขนาดเล็กด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ จึงไม่เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนใหญ่ หรือถนนเส้นหลัก ที่มีรถขนาดใหญ่สัญจรไปมา
- ใช้ขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตร
- ใช้ขนผลผลิตจากสวนไปยังโกดังเก็บผลผลิต
- ใช้ขนส่งสินค้าภายในโรงงาน หรือโกดังสินค้า
- ใช้ขนของภายในหมู่บ้าน หรือภายในซอย
เปรียบเทียบรถกระบะไฟฟ้า VS ซาเล้ง-รถน้ำมัน
ความปลอดภัยในการใช้งาน
- รถกระบะไฟฟ้า : บังคับง่าย เลี้ยวง่าย ความเร็วต่ำ ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน
- รถซาเล้ง : รถบังคับยากและอาจเสียสมดุลได้ เพราะดัดแปลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์
- รถกระบะน้ำมัน : โครงสร้างมีความปลอดภัย แต่อาจอันตรายได้หากขับด้วยความเร็วสูง
ความสะดวกในการขน-ส่ง
- รถกระบะไฟฟ้า : เหมาะกับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก-ปานกลาง น้ำหนักไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม
- รถซาเล้ง : ขนของเข้าง่าย ยกของออกสะดวก แต่ต้องระวังไม่บรรทุกหนักเกินไป เพราะรถอาจเสียสมดุลได้
- รถกระบะน้ำมัน : บรรทุกของได้หลากหลาย ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงของที่มีน้ำหนักมากอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน (ไฟฟ้า VS น้ำมัน)
- รถกระบะไฟฟ้า : ต้นทุนค่าชาร์จไฟฟ้าต่อกิโลเมตรต่ำกว่าน้ำมัน หรือไม่เกิน 0.20 บาท/กิโลเมตร
- รถซาเล้ง/รถกระบะน้ำมัน : ค่าน้ำมันมีต้นทุนเชื้อเพลิงแพงกว่า อาจจะอยู่ที่ประมาณ 2.14 บาท/กิโลเมตร ขึ้นไป
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
- รถกระบะไฟฟ้า : ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน ชิ้นส่วนทนทาน มีอายุการใช้งานนาน ค่าอะไหล่ไม่แพง และค่าช่างถูก อย่างที่สบายรถไฟฟ้าเรามีการรับประกันนานสูงสุด 5 ปี ทั้งยังไม่คิดค่าช่างในการซ่อมตลอดอายุการใช้งานด้วย
- รถซาเล้ง/รถกระบะน้ำมัน : ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และอะไหล่ต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่า
สรุป
รถกระบะไฟฟ้า หรือรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพไม่แพ้รถซาเล้งและรถกระบะทั่วไปเลย ทั้งยังมีความคุ้มค่าในเรื่องของต้นทุนพลังงานและค่าซ่อมบำรุงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าจะเลือกซื้อรถอะไรดี ระหว่างรถกระบะไฟฟ้า รถกระบะน้ำมัน และรถซาเล้ง จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ประเภทของสิ่งของที่ขนส่ง และความต้องการของผู้ขับเป็นหลัก
ใครที่ต้องการรถที่บรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ได้ เดินทางไกล และต้องวิ่งบนถนนใหญ่ รถกระบะขนาดใหญ่เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ส่วนผู้ที่ต้องการรถสำหรับขนของใกล้ ๆ ไม่ได้ออกถนนใหญ่ และต้องการความคล่องตัวสูง อาจเลือกเป็นรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือรถซาเล้งก็ได้ ทั้งนี้ เราแนะนำเป็นรถกระบะไฟฟ้ามากกว่า เนื่องจากมีโครงสร้างที่สมดุล ช่วยให้ขับได้อย่างมั่นคง และปลอดภัยนั่นเอง
ซื้อรถกระบะไฟฟ้าที่ไหนดี? ต้อง สบายรถไฟฟ้า
สบายรถไฟฟ้า (Sabai eBike) ศูนย์รวมรถไฟฟ้าครบวงจร มีรถไฟฟ้าให้เลือกกว่า 150 คัน ครอบคลุม 50 สาขาทั่วประเทศไทย เป็นทั้งผู้ผลิตรถไฟฟ้า ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย รวมถึงเป็นศูนย์ซ่อมในตัว มีความเชี่ยวชาญด้านรถไฟฟ้าขนาดเล็กทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า 2 ล้อ, รถไฟฟ้า 3 ล้อ, รถกระบะไฟฟ้า, รถสามล้อเพื่อการเกษตร, รถไฟฟ้า 3 ล้อ มีหลังคา, รถกอล์ฟไฟฟ้า, รถไฟฟ้าผู้สูงอายุ ฯลฯ มาพร้อมการรับประกันแบบจัดเต็ม!
- รับประกันมอเตอร์ 5 ปี
- รับประกันแบตเตอรี่ 1 ปี
- รับประกันระบบไฟ 1 ปี
- รับประกันโครงรถตลอดอายุการใช้งาน
- ฟรี! ค่าแรงช่างในการซ่อมรถตลอดอายุการใช้งาน
- ฟรี! ประกันภัยการสูญเสีย (บางรุ่น)
แนะนำรถกระบะไฟฟ้า 3 รุ่น ยอดนิยมตลอดกาล
- รถกระบะไฟฟ้า รุ่น KP160 ราคา 42,900 บาท รองรับน้ำหนักได้ 500 กิโลกรัม +
- รถกระบะไฟฟ้า รุ่น KP180 ราคา 54,900 บาท รองรับน้ำหนักได้ 1,000 กิโลกรัม +
- รถกระบะไฟฟ้า รุ่น ZJ150 ราคา 49,900 บาท รองรับน้ำหนักได้ 600 กิโลกรัม +
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 092-333-0590 หรือ LINE @sabai-ebike (คลิกเพื่อแอดไลน์)


